Acne Personalized

โปรแกรมรักษาสิวเฉพาะบุคคล

Vdesign Clinic คลินิกรักษาสิวที่ออกแบบการรักษา “เฉพาะบุคคล”

ที่ผู้เข้ารับบริการจริงมากกว่า 95% เห็นผลลัพธ์ดีขึ้นจนน่าพอใจ



สิว (Acne) คือภาวะทางผิวหนังที่เริ่มต้นจากการที่รูขุมขนเกิดการอุดตัน โดยมีสาเหตุมาจากส่วนผสมของน้ำมันที่ผิวผลิตออกมา (ซีบัม) กับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งรวมตัวกันจนกลายเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ บริเวณปากรูขุมขน สิว มักปรากฏในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า หน้าอก หลัง และไหล่

สิว มีกี่ประเภท?

สิว สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ และแต่ละกลุ่มมีประเภทย่อย



1. สิวชนิดไม่อักเสบ (Non-inflammatory Acne)

เป็นสิวที่ยังไม่เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อรุนแรง มักเกิดจากการอุดตันเป็นหลัก

สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads) เกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนปิดอยู่ มองเห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีขาว

สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads) เกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนเปิดอยู่ หัวสิวทำปฏิกิริยากับอากาศจึงกลายเป็นสีดำ


2. สิวชนิดอักเสบ (Inflammatory Acne)

เป็นสิวที่มีการอักเสบ ติดเชื้อ และมีความรุนแรงกว่าสิวไม่อักเสบ

สิวอักเสบเม็ดแดง (Papules) เป็นตุ่มนูนแดงขนาดเล็ก ไม่มีหัวหนอง เจ็บเมื่อสัมผัส

สิวมีหนอง (Pustules) คล้ายสิวอักเสบเม็ดแดง แต่มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง

สิวหัวช้าง/สิวไต (Nodules) เป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ ใต้ผิวหนัง ลึก และเจ็บปวดมาก อาจใช้เวลารักษานาน

สิวซีสต์ (Cysts) เป็นสิวอักเสบรุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นถุงน้ำหรือหนองขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง ลึก และมักทำให้เกิดแผลเป็น


การทำความเข้าใจประเภทของ สิว จะช่วยให้คุณเลือกวิธีการรักษาและดูแลผิวได้อย่างถูกต้องเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงและลดโอกาสเกิด สิว ในอนาคตได้


ทำไมต้อง รักษาสิว? เจาะลึก 5 สาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อไม่หยุด!

สิวไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด แต่คือสัญญาณที่ร่างกายแสดงออกมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอก การจะ รักษาสิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องเข้าใจว่าสิวของคุณมีต้นตอมาจากอะไร เรามาดูกันว่า 5 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง


1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 

ฮอร์โมนคือตัวกระตุ้นสิวอันดับหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


วัยรุ่น - เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ฮอร์โมน แอนโดรเจน (Androgen) จะเพิ่มขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้ ต่อมไขมัน ทำงานหนักขึ้น ผลิตน้ำมันออกมามากจนเกิดการ อุดตันรูขุมขน และกลายเป็นสิวอุดตัน ก่อนจะลุกลามเป็นสิวอักเสบได้

ผู้หญิง - สิวเห่อช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือนเกิดจากฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน ที่สูงขึ้น ทำให้รูขุมขนบวมและเกิดการคั่งของไขมันได้ง่ายขึ้น


2. เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 

สิ่งที่เราทาลงบนผิวอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตัน ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ น้ำมัน (Oil-based) มีโอกาสเข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ทั้งบนใบหน้าและลำตัว ถ้าคุณเป็นคนเป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ "Oil-Free" (ไม่มีน้ำมัน), "Water-Based" (มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก) และที่สำคัญคือต้องมีป้ายกำกับว่า "Non-comedogenic" หรือ "Non-acnegenic" เพื่อลดความเสี่ยงของการอุดตัน ซึ่งเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการ รักษาสิว


3. อาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิต 

แม้จะไม่มีกฎตายตัวเรื่องอาหารกับสิว แต่พฤติกรรมบางอย่างกระตุ้นให้เกิดสิวได้จริง

อาหาร - หากคุณสังเกตว่าการทานอาหารบางชนิด โดยเฉพาะของ หวานจัด มันจัด หรือของทอดที่มีแป้งและน้ำตาลสูง ทำให้สิวอักเสบเพิ่มขึ้น คุณควรลดหรือหลีกเลี่ยงเพื่อช่วยให้การ รักษาสิว ง่ายขึ้น

ความเครียดและการนอนน้อย - การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือภาวะเครียดสูง ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน และจุลชีพบนผิวหนังเจริญเติบโตได้ดีขึ้น เป็นตัวเร่งให้เกิดสิวอักเสบ


4. มลภาวะและสภาพแวดล้อม 

ปัจจัยภายนอกที่เราเผชิญในชีวิตประจำวันก็มีผลต่อการเกิดสิว

ฝุ่นและควัน - มลพิษทางอากาศมีอนุภาคเล็กที่สามารถ อุดตันรูขุมขน ได้ โดยเฉพาะคนผิวแพ้ง่ายจะไวต่อการเกิดสิว

หน้ากากอนามัย (Maskne) - การเสียดสีและความอับชื้นใต้หน้ากาก ทำให้แบคทีเรียและไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น ก่อให้เกิดสิวบริเวณที่สวมใส่ การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีจึงสำคัญต่อการ รักษาสิว ที่เกิดจากสาเหตุนี้


5. ภาวะแอนโดรเจนเกิน (ฮอร์โมนเพศชายสูง) 

นี่คือสาเหตุของสิวรุนแรงที่ต้องปรึกษาแพทย์โดยเฉพาะ ภาวะนี้คือการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนมากเกินไป โดยพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ (เช่น ภาวะ PCOS)

อาการที่สังเกตได้คือ ผิวมันมาก สิวขึ้นเร็วและรุนแรง มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ขนขึ้นตามตัวผิดปกติ ผมร่วง หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ ซึ่งสิวจากสาเหตุนี้จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและ รักษาสิว ด้วยการปรับสมดุลฮอร์โมนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น


การรักษาสิว ที่ดีที่สุดเริ่มต้นที่การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากสิวของคุณอยู่ในระดับไม่รุนแรง (สิวอุดตันหรือสิวอักเสบเล็กน้อย) การปรับพฤติกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้สิวสงบลงได้มาก


3 หลักการสำคัญในการดูแลผิวเป็นสิว

1. ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน

ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เพียงพอต่อการกำจัดสิ่งสกปรกและไขมันส่วนเกิน ไม่ควรล้างบ่อยเกินไปเพราะจะกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น

เลือกผลิตภัณฑ์ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ อ่อนโยน (Gentle), ค่า pH ใกล้เคียงผิว, และ ปราศจากแอลกอฮอล์หรือสารสบู่ ที่อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง

ครีมกันแดด ต้องทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเลือกสูตร Oil-Free และ Non-comedogenic เพื่อป้องกันการอุดตันและลดโอกาสเกิดรอยสิวเข้มขึ้น

2. หยุดพฤติกรรมทำร้ายผิว

ห้ามแกะ บีบ สัมผัสสิว นี่คือข้อห้ามที่สำคัญที่สุด เพราะการบีบสิวด้วยตัวเองจะทำให้อาการ อักเสบลุกลาม ลึกขึ้น ทำให้ สิวหายช้าลง และทิ้งรอยดำ รอยแดง รวมถึง หลุมสิว ถาวรตามมา

จัดการความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียดกระตุ้นฮอร์โมนให้สิวเห่อ ดังนั้นควรนอนหลับให้เพียงพอ (7-8 ชั่วโมง) และหาเวลาผ่อนคลาย


    3. ใช้ตัวช่วยที่ตรงจุด 

    ยาทาเบื้องต้น สำหรับ รักษาสิว เบื้องต้น คุณสามารถใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide (ช่วยลดเชื้อสิวและละลายหัวสิว) หรือ Salicylic Acid (ช่วยผลัดเซลล์ผิวและละลายการอุดตัน) ตามคำแนะนำของเภสัชกร

    อาหาร ควรลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเป็นตัวกระตุ้นสิวของคุณ เช่น อาหารรสหวานจัด มันจัด หรือผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด   


      โปรแกรมรักษาสิวที่ Vdesign Clinic 

      โปรแกรมรักษาสิวแบบ Personalized วิเคราะห์ปัญหาเฉพาะบุคคลที่มีความซับซ้อน วางแผนการรักษาที่ตรงปัญหา และเทคนิคที่ตอบโจทย์การรักษา
      เพราะทุกความมั่นใจ เริ่มได้เลยไม่ต้องรอ ทีมแพทย์จึงมุ่งเน้นการออกแบบและวางแผนการรักษาแบบ "เฉพาะบุคคล" เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ  

      1.การกดสิวโดยผู้ที่มีความชำนาญ

      การกดสิว คือ การใช้เครื่องมือพิเศษ (เช่น ที่กดสิว) เพื่อนำหัวสิวที่อุดตัน ออกจากรูขุมขนอย่างถูกวิธี เพื่อเคลียร์หัวสิวที่อุดตัน (สิวหัวขาว, สิวหัวดำ) ที่ไม่สามารถหลุดออกเองได้ โดยเฉพาะสิวที่ไม่มีการอักเสบ เพื่อป้องกันไม่ให้สิวเหล่านั้นกลายเป็นสิวอักเสบในภายหลัง ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือการอักเสบเพิ่มขึ้น และการเกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวตามมา

      2.การฉีดสิว (Intralesional Injection) 

      การฉีดสิว เป็นวิธี รักษาสิวอักเสบ ที่รุนแรง เช่น สิวหนอง สิวซีสต์ หรือสิวหัวช้าง โดยการฉีด ยากลุ่มสเตียรอยด์ ในปริมาณต่ำเข้าไปที่ฐานของสิวโดยตรง ซึ่งเป็นวิธีที่ เห็นผลรวดเร็ว ช่วยให้สิวยุบตัวลงไว

      ข้อควรระวัง ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดหรือมีภาวะบางอย่าง ไม่ควรฉีดสิว โดยเฉพาะโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้, โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด, วัณโรค, ติดเชื้อราที่ผิวหนัง, สะเก็ดเงิน, มีประวัติแพ้ยาที่ใช้, และภาวะเลือดออกง่าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาวิธีรักษาที่เหมาะสม

      3.ทรีตเมนต์ Acne Clear สำหรับผู้ที่เริ่มเป็นสิว 

      ขั้นตอนที่ 1.ทำความสะอาดผิวหน้า ล้างสิ่งสกปรกตกค้าง และกดสิว

      ขั้นตอนที่ 2.ฉายแสง ด้วยหน้ากาก Light Therapy Acne Mask โดยแสงที่มีความยาวคลื่น 415 mm. และ 660 mm สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ต้นกำเนิดสิว รักษาสิวอุดตัน รักษาสิวอักเสบ ช่วยให้สิวยุบ และแห้งเร็วขึ้น



    4.ทรีตเมนต์ Acne Sure สำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบ / สิวเยอะ

    ขั้นตอนที่ 1.ทำความสะอาดผิวหน้า ล้างสิ่งสกปรกตกค้าง 

    ขั้นตอนที่ 2.Detox ผิวด้วย Hydro Detox เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ตกค้างอยู่ในรูขุมขน เพื่อไม่ให้เป็นสิ่งกระตุ้นการอักเสบและกระตุ้นการเกิดสิวใหม่

    ขั้นตอนที่ 3.ทา AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน และช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า 

    ขั้นตอนที่ 4. กดสิว / ฉีดสิวโดยแพทย์

    ขั้นตอนที่ 5.ยิง Laser ฆ่าเชื้อสิว ทำลายเชื้อแบคทีเรีย P.acne

    ขั้นตอนที่ 6. Mask หน้าสูตร Acne เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยยับยั้งการเกิดเชื้อ P.acne


    5.โปรแกรมฉีด V Acne Glow 

    ดีท็อกซ์ผิว ลดเชื้อสิว ช่วยฟื้นฟูสิวอักเสบ สิวเรื้อรัง ลดการเกิดสิวใหม่ และช่วยลดรอยดำจากสิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ 


    6.โปรแกรมฉีด Exo Anti Acne 

    นวัตกรรมบูสเตอร์ลดเชื้อสิวอักเสบ สกัดจากเซลล์ธรรมชาติ มีส่วนช่วยลดการอักเสบของสิว ลดการเกิดสิวใหม่ ปรับสภาพผิวให้แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ 

    โปรแกรม Exo Anti Acne ทำหน้าที่เป็นสารสื่อสาร ที่ถูกส่งออกมาจากเซลล์ต้นกำเนิด หน้าที่หลักคือเข้าไปช่วย "ซ่อมแซมและฟื้นฟู" เซลล์ต่างๆ ในร่างกายให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิดที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูผิวและเซลล์ 


    โปรแกรม Exo Anti Acne ช่วยให้ 

    -ต้านการอักเสบและฟื้นฟูผิว

    -ส่งเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่

    -ต่อต้านริ้วรอยและสร้างคอลลาเจน

    -กำจัดรอยและควบคุมการสร้างเม็ดสี

    -คืนความชุ่มชื้นให้ผิว

    -ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย 

    7.การตรวจฮอร์โมน (Hormone Test)

    ตรวจเพื่อวิเคราะห์ระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งมักทำโดยการเจาะเลือด เพื่อค้นหาสาเหตุของ "สิวฮอร์โมน" เพื่อยืนยันว่าสิวเกิดจากปัญหาฮอร์โมน และสามารถวางแผนการรักษาโดยใช้ยาปรับสมดุลฮอร์โมน (เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือยาต้านฮอร์โมนเพศชาย) ควบคู่กับการรักษาสิวทั่วไปได้

    สิวฮอร์โมน เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ (โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน เช่น เทสโทสเตอโรน) ที่ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป จนนำไปสู่การอุดตันและอักเสบเป็นสิว


    การตรวจฮอร์โมนจะทำในกรณีที่

    -ผู้ป่วยมีสิวรุนแรง เป็นซ้ำ ๆ บริเวณเดิม (เช่น คางและแนวกราม)

    -สิวเห่อตามรอบเดือนอย่างชัดเจนในเพศหญิง

    -มีอาการอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ ขนดก ผมร่วง (โดยเฉพาะภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS)




    เลือกคลินิกรักษาสิวที่ไหนดี?

    การรักษาสิวแต่ละคลินิกผลลัพธ์ต่างกัน เนื่องจากการวิเคราะห์ปัญหา การวางแผนการรักษา การเลือกใช้โปรแกรมการรักษา และเทคนิคที่เลือกใช้ในแต่ละคลินิกแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการรักษา ฉะนั้น ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำการรักษามีผลต่อการรักษาโดยตรง 


    การรักษาสิว ไม่อาจรักษาได้แค่เพียงโปรแกรมเดียว ต้องรักษาแบบวางแผนเฉพาะบุคคล Acne Personalized เพราะหัวใจสำคัญของการรักษาอยู่ที่ความแม่นยำในการวิเคราะห์ปัญหา เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด  


    รักษาสิว ที่ Vdesign Clinic ทำไมผลลัพธ์จึงแตกต่าง?

    1.เทคนิคเฉพาะบุคคล วิเคราะห์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน และวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์เฉพาะ ตามประเภทของสิว เพื่อการดูแลที่แม่นยำและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ

    2.เทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้บริการด้วยเครื่องมือแพทย์ เครื่องเลเซอร์ ตัวยาหัตถการฉีด รวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่เลือกใช้ ที่ได้รับการรับรอง สถานพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย 

    3.แพทย์มากประสบการณ์ วางแผนแม่นยำ วิเคราะห์ ประเมิน และอธิบายรายละเอียดการรักษาที่ซับซ้อนอย่างชัดเจน เพื่อให้คุณเข้าใจและร่วมตัดสินใจในทุกขั้นตอนการดูแล เพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ



    รีวิวการรักษาสิว ที่ Vdesign Clinic 

    FAQ คำถามที่พบบ่อย


    Q : สิวคืออะไร?

    A : สิว คือภาวะที่รูขุมขนเกิดการอุดตันด้วยน้ำมัน (ซีบัม) และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จนทำให้เกิดตุ่มนูนแดงหรือหนอง


    Q : สิวอุดตันกับสิวอักเสบต่างกันอย่างไร?

    A : สิวอุดตัน ยังไม่เกิดการติดเชื้อรุนแรง (เช่น สิวหัวดำ/ขาว) ส่วน สิวอักเสบ เกิดจากการอุดตันที่ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการบวมแดง มีหนอง หรือเป็นไตแข็ง


    Q : สิวฮอร์โมนคืออะไร?

    A : สิวฮอร์โมน คือสิวที่เห่อขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมน (เช่น ช่วงมีประจำเดือน หรือความเครียด) มักพบบริเวณคางและแนวกราม


    Q : การบีบสิวอันตรายหรือไม่?

    A : อันตราย โดยเฉพาะสิวอักเสบ เพราะอาจทำให้การอักเสบลุกลาม เกิดรอยดำ รอยแดง และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นถาวร


    Q : อาหารมีผลต่อการเกิดสิวหรือไม่?

    A : มีผล อาหารที่มีน้ำตาลสูง (High Glycemic Index) และผลิตภัณฑ์จากนมวัวบางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ในบางราย


    Q : สามารถป้องกันการเกิดสิวได้อย่างไร?

    A : เน้นการทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ


    Q : เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง?

    A : ควรรีบไปพบแพทย์ หากเป็น สิวอักเสบรุนแรง สิวหัวช้าง หรือสิวเรื้อรังที่รักษาด้วยตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์



    • phone call
    • line icon
    • ปรึกษาออนไลน์ฟรี
      กับคุณหมอ